หน้าแรก วันวิสาขบูชา เกี่ยวกับวันวิสาขบูชา กิจกรรมวันวิสาขบูชา เอกสารสำคัญ อันเนื่องจากวันวิสาขบูชา คณะกรรมการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาฯ เว็บไซต์ ที่เกี่ยวข้องกับวันวิสาขบูชา
 




ที่มาของข้อมูล : หนังสือพุทธประวัติ
ของพระเทพโสภณ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต)


     พระเจ้าสุทโธทนะมีพระอัครมเหสีทรงพระนามว่า มหามายาเทวี ทั้งสองพระองค์ทรงอยู่ร่วมกันมาด้วยความผาสุก จนกระทั่งพระเทวีทรงมีพระครรภ์ เมื่อพระครรภ์แก่จวนจะประสูติ พระนางได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระสวามี ให้แปรพระราชฐานไปประทับที่กรุงเทวทหะเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ก็เพื่อประสูติในตระกูลของพระนางตามประเพณีนิยมสมัยนั้น พระเทวีเสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์พร้อมด้วยข้าราชบริพารในเวลาเช้า ของวันเพ็ญเดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี เมื่อขบวนเสด็จผ่านมาถึงสวนลุมพินี อันตั้งอยู่กึ่งกลางทางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวทหะต่อกัน พระนางทรงมีพระประสงค์จะประพาสอุทยาน ข้าราชบริพารจึงเชิญเสด็จแวะไปประทับพักผ่อนอิริยาบถใต้สาละ ขณะประทับอยู่ที่สวนลุมพินีนั้น พระนางได้ประสูติ พระโอรสภายใต้ต้นสาละ เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะทราบข่าวประสูติ จึงตรัสสั่งให้เชิญเสด็จ พระนางพร้อมด้วยพระราชกุมารกลับคืนกรุงกบิลพัสดุ์โดยด่วน

     ข่าวประสูติแพร่ไปถึงอสิตดาบส ผู้อาศัยอยู่ในอาศรมเชิงเขาหิมาลัย ดาบสท่านนี้มีความคุ้นเคยกับราชสำนักของพระเจ้าสุทโธทนะ พอทราบข่าวประสูติของพระราชกุมาร ดาบสจึงลงจากเขาเข้าไปเยี่ยมเยียนราชสำนัก ท่านมีความรู้เกี่ยวกับการทำนายมหาปุริสลักษณะ พอเป็นพระราชกุมารก็ทำนายได้ทันทีว่า นี่คือผู้จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงกล่าวพยากรณ์ว่า "พระราชกุมารนี้จักบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ เห็นแจ้งพระนิพพานอันบริสุทธ์อย่างยิ่ง ทรงหวังประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก จะประกาศธรรมจักรพรหมจรรย์ของพระกุมารนี้จักแพร่หลาย" แล้วกราบลงแทบพระบาทของพระกุมาร พระเจ้าสุทโธทนะทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์นั้นทรงรู้สึกอัศจรรย์และเปี่ยมล้นด้วยปีติ ถึงกับทรุดพระองค์ลงอภิวาทพระราชกุมารตามอย่างดาบส

     เมื่อพระกุมารประสูติได้ ๕ วัน พระเจ้าสุทโธทนะโปรดให้ประกอบพิธีเฉลิมฉลองรับขวัญ และขนานพระนาม โดยเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คนผู้เชี่ยวชาญไตรเพทมาบริโภคโภชนาหาร ที่ประชุมของพราหมณ์ได้ถวายพระนามว่า "สิทธัตถะ" แปลว่า "สมประสงค์" กล่าวคือพระราชกุมารจะทรงปรารถนาสิ่งใด ก็จะได้สิ่งนั้นตามความปรารถนา คนส่วนมากมักเรียกพระองค์ตามชื่อโคตรว่า "โคตมะ"

      ต่อจากนั้นพราหมณ์ ๘ คน ผู้รู้การทำนายลักษณะได้ตรวจสอบลักษณะของพระกุมารแล้ว พบว่าพระกุมารมีลักษณ์มหาบุรุษ ๓๒ ประการ จึงให้คำทำนายชีวิตในอนาคตของพระกุมาร พราหมณ์ ๗ คน ทำนายว่าพระสิทธัตถราชกุมารนี้ ถ้าอยู่ครองเพศฆราวาสจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่ถ้าออกผนวช จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสดาเอกของโลก แต่พราหมณ์คนที่ ๘ ชื่อว่าโกณฑัญญะให้คำทำนายยืนยันหนักแน่นเป็นคติเดียวว่า พระกุมารจะต้องออกผนวชและตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อจากนั้น ที่ประชุมของพราหมณ์ได้ถวายพระนามแก่พระกุมารว่า "สิทธัตถะ" แปลว่า "สมปรารถนา" หมายความว่า "ผู้สร้างความสมปรารถนาแก่ชาวโลกทั้งปวง"
------------------------------------
       มธุรัตถวิลาสินี(อรรถกถาพุทธวงศ์), มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๒๕๓๓, หน้า ๓๙๔
      ปัจจุบันคือตำบลรุมมินเด แขวงเปชวาร์ ประเทศเนปาล
     ประสูติในวันศุกร์ เพ็ญเดือนวิสาขะ (เดือน ๖) ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี
      ดาบสนี้มีชื่อต่างกัน ในนาลกสูตร(ขุ.สุ. ๒๕/๖๘๕/๕๙๐) ดาบส มีชื่อว่า อสิตะหรือกัณหสิริ แต่ในมธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาพุทธวงศ์ หน้า ๓๙๗ ดาบสมีชื่อว่า กาฬเทวิล
      ขุ.ส. ๒๕/๔๖๙/๓๘๘.
      พราหมณ์ ๘ คน คือ รามะ ธชะ ลักขณะ มันตี โกณฑัญญะ โภชะ สุยามะ และสุทัตตะ ดู ชาตกัฎฐกถา ภาค ๑ ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หน้า ๘๔
      ที.ปา. ๑๑/๕๗/๑๓๐.
      ชาตกัฏฐกถา ภาค ๑ หน้า ๘๕



มหาดไทย ดอท คอม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย True Together